บทความ

บทที่ 1 เรื่อง ธรรมชาติและวิวัฒนาการของเทคโนโลยี
รหัสวิชา ง 22101       ชื่อวิชา  การงานอาชีพและเทคโนโลยี 34   
ช่วงชั้นที่  3  ชั้นปีที่  2   
ครูผู้สอน ดรุณี   กันธมาลา
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย  จังหวัดเชียงใหม่        
 
บทที่ 1  เรื่อง  ธรรมชาติและวิวัฒนาการของเทคโนโลยี
 
สาระที่  3:  การออกแบบและเทคโนโลยี
มาตรฐาน ง 3.1  :  เข้าใจธรรมชาติและกระบวนการของเทคโนโลยี  ใช้ความรู้  ภูมิปัญญา  จินตนาการ  และความคิดอย่างมีระบบในการออกแบบ  สร้างสิ่งของเครื่องใช้  วิธีการเชิงกลยุทธ์  ตามกระบวนการเทคโนโลยี  สามารถตัดสินใจ  เลือกใช้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ต่อชีวิต  สังคม  สิ่งแวดล้อม  โลกของงานและอาชีพ
 
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1.  เข้าใจความหมาย  ความสำคัญของเทคโนโลยี
2.  เข้าใจธรรมชาติ  ประโยชน์ ของเทคโนโลยี
3.  บอกประวัติ และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีตามยุคสมัย
4.  บอกวิวัฒนาการของเทคโนโลยีไทย
5.  มีเจตคติที่ดีต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตเพี่อการดำรงชีวิต
 
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.  บอกความหมาย   ความสำคัญของเทคโนโลยีได้
2.   อธิบายประโยชน์ ของเทคโนโลยี
3.  บอกวิวัฒนาการของเทคโนโลยีตามยุคสมัย
4.  บอกวิวัฒนาการของเทคโนโลยีไทย
 
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
  มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้
   1.   ความสามารถในการสื่อสาร 
   2.   ความสามารถในการคิด
   3.   ความสามารถในการแก้ปัญหา
   4.   ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต  
   5.   ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
 
         เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง เป็นการนำความรู้ ทักษะ และทรัพยากรมาสร้างสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการโดยผานกระบวนการ เพื่อแก้ปัญหา สนองความต้องการ หรือเพิ่มความสามารถในการทำงานของมนุษย์
  1. เป็นพื้นฐานปัจจัยจำเป็นในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ 
  2. เป็นปัจจัยหลักที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนา 
  3. เป็นเรื่องราวของมนุษย์ และธรรมชาติ 

    ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา  วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นจนสามารถสร้าง นวัตกรรม (Innovation) ซึ่งก็คือ การเรียนรู้ การผลิตและ การใช้ประโยชน์จากความคิดใหม่  ให้เกิดผลทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง  สิ่งแวดล้อม  และวัฒนธรรม  เทคโนโลยีทำให้สังคมโลกที่เรียบง่าย กลายเป็นสังคมที่มีการดำรงชีวิตที่สลับซับซ้อนมาขึ้น  ก่อให้เกิดกระแสแห่งความไร้พรมแดน  หรือกระแสโลกาภิวัฒน์ ที่เข้ามาสู่ทุกประเทอย่างรวดเร็ว  จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ อันเป็นการผสมผสาน 4 ศาสตร์ เข้าด้วยกันได้แก่ อิเล็อทรอนิกส์  โทรคมนาคม  และข่าวสาร  (Electronics , Computer ,Telecomunication and Information หรือเรียกย่อ ๆ ว่า ECTI ) ทำให้สังคมโลกสามารถสื่อสารกันได้ทุกแห่งทั่วโลกอย่างรวดเร็ว  สามารถรับรู้ข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่าง  ๆ ได้พร้อมกัน  สามารถบริหารจัดการและตัดสินใจได้ทุกขณะเวลา การลงทุนค้าขาย และธุรกรรมการเงินทได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเทคโนโลยีกำลังทำโลกใบนี้ “เล็กลง” ทุกขณะ

            วิวัฒนาเทคโนโลยี (Evolution of Technolgy ) เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไป ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับกระบวนการทางวิวัฒนาการ (Evolution) ของระบบหรือเครื่องมือนั้น ๆ  ดังนั้นคำว่า วิวัฒนาการของเทคโนโลยี (Evolution of Technology ) จึงหมายถึง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบหรือเครื่องมือที่เกิดขึ้นอย่างซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับอย่างต่อเนื่องอันมีสาเหตุมาจากปัจจัยตาง ๆ    

    วิวัฒนาการสามารถแบ่งได้เป็น 5 ยุค
    • ยุคหิน (Stone age)
    • ยุคทองสัมฤทธิ์ ( Bronze age)
    • ยุคเหล็ก (Iron age)
    • ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม(Industrial Revolution)
    • ยุคศตวรรษที่ 20 (The 20th Century)

 

ยุคที่ 1. ยุคหิน (Stone age)

             เป็นยุคแรกของมนุษย์ที่มีการใช้เครื่องมือซึ่งทำมาจากหินทั้งสิ้น เช่นอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้หรือเครื่องใช้ภายในครัวเรือนชนิดต่าง ๆ เครื่องมือต่าง ๆ เหล่านี้ทำมาจากหินก่อนที่จะมีการใช้โลหะในเวลาต่อมา 


 ลักษณะของยุคหินในทวีปต่าง ๆ 

  1. ทวีปอเมริกา ยุคหินในทวีปอเมริกา ได้เริ่มขึ้นเมื่อมีมนุษย์รุ่นแรก ๆ จากหลายถิ่นฐานได้เข้าไปอยู่อาศัยในทวีปอเมริกา หรือที่เรียกว่าโลกใหม่ (New world) เมื่อประมาณ 30,000 ปีที่แล้ว และยุคหินในทวีปอเมริกาได้สิ้นสุดลงเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช
  2. ทวีปเอเชีย (ตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ) ยุคหินได้สิ้นสุดเมื่อประมาณ 6,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
  3. ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา และเอเชียเหนือ ยุคหินได้สิ้นสุดเมื่อประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช


             ระยะเวลาของยุคหินในแต่ละทวีปบนพื้นโลกมีความแตกต่างกันดังได้กล่าวมาแล้ว และระยะเวลาการเกิดของยุคหินในแต่ละที่ก็มีอิทธิพลโดยตรงต่อมนุษย์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงได้แบ่งยุคหินออกเป็น 3 ระยะ

             ระยะพาลีโอลิค(Paleolitthic) หรือ Old Stone Age เป็นช่วงที่มีความยาวนานมากที่สุด่ของยุคหิน โดยได้เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 2 ล้านปีที่ผ่านมาแล้วและสิ้นสุดเมื่อยุคน้ำแข็งได้สิ้นสุดลงเมื่อประมาณ 13,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช มนุษย์ยุคนี้ได้นำหินมาทำเป็นอาวุธ และได้พบหลักฐานว่ามนุษย์ถ้า โครแมนยอง (Cro-Magnon) ในทวีปยุโรปได้วาดภาพซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ต่าง ๆ ในช่วงปลายของระยะนี้

             ระยะมีโซลิติค( Mesolithic) หรือ Middle Stone Age เป็นช่วงหลัง 13,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ระยะนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นบนพื้นโลกส่งผลให้มีความอุดมสมบูรณ์ของอาหารเพิ่มมากขึ้น จึงมีเครื่องมือเครื่องใช้หลายชนิดที่ทำด้วยก้อนกรวด ก้อนหิที่ได้มาใชีวิตประจำ

             ระยะนีโอลิติต (Neolithic ) ระยะนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 8,000ปีก่อนคริสต์ศักราช มนุษย์ยุคนี้ได้นำสังคมเกษตรกรมเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องมือที่ใช้ในครัวเรือนบางชนิดได้มีการเปลี่ยนแปลงและได้มีการเริ่มใช้โลหะบางชนิดใน ได้มีการเปลี่ยนแปลงและได้มีการเริ่มใช้โลหะบางชนิดในช่วงปลายของระยะนี้

 

 

 

ยุคที่ 2. ยุคทองสัมฤทธิ์ ( Bronze age )


 ลักษณะของยุคทองสัมฤทธิ์

            ได้เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 3,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช และสิ้นสุดเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช เชื่อกันว่าเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำจากทองสำเริดได้เริ่มมีขึ้นครั้งแรกในแถบตะวันออกกลาง(Middle  East) และในทวีปยุโรปโดยเริ่มที่ประเทศกรีก ในทวีปเอเชียยุคทองสำริดได้เริ่มขึ้นทีประเทศจีนเมื่อประมาณ 1,800 ปีก่อนคริสต์ศักราช ส่วนในทวีปอเมริกายุคทองสำริดได้เริ่มขึ้นเมื่อ 1,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราชในประเทศไทย  ได้มีการค้นพบเครื่องมือบ่างชนิดที่ทำด้วยทองสำริด เช่นใบหอก  ขวาน กำไล  และเบ็ดตกปลา เป็นต้น  ที่ตำบลบ้านเชียง  อำเภอหนองหาน  จังหวัดอุบลราชธานี และที่ตำบลแวง อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร  และจากการค้นพบวัตถุโบราณชนิดนี้ทำให้เชื่อว่ายุคทองสำริดเกิดขึ้นมานานแล้วประมาณ 4,500 ปี ก่อนคริสต์ศักราช  


            ยุคทองสำริดในตะวันออกกลางและแถบเมดิเตอร์เรเนียนแบ่งออกเป็น 3 ระยะดังนี้.

             ระยะต้น (Eaarly Bronze age) โลหะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในชีวิตประจำวันมากขึ้นซึ่งเป็นยุคของชูบาเรียน ซิวิไลเซซัน( Sumaian Civilzation)

             ระยะกลาง (Middle Brone age) เป็นยุคของบาบิโลน (Babylon) ชาวบาบิโลนนอกจากรู้จักใช้โลหะแล้ว ยังเป็นผู้ให้กำเนิดวิธีการทำนายชะตาชีวิตมนุษย์โดยดูจากอิทธิพลของดวงดาวหรือโหราศาสตร์ โดยมีหลักฐานหินปักเขตรูปเทพเจ้าต่าง ๆ ที่ค้นพบ

             ระยะสุดท้าย (Late Bronze age) เป็นยุคของไมโนแอน ครีท (Minoan crete) และ ไมซีนาเอน ครีซ(Mycenaean Creece)

 

 

 

 

 

ยุคที่ 3. ยุคเหล็ก (Iron age)

 

 

 

 ลักษณะของยุคเหล็ก

              เป็นยุคที่มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ  มีการนำเอาเหล็กเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์และอาวุธยุทโธปกรณ์แทนทองสัมฤทธิ์ซึ่งมีการใช้แพร่หลายกันในยุคทองสัมฤทธิ์ ยุคนี้ได้นำเหล็กมาใช้มากขึ้นเมื่อมีการนำเตาเผาซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการหลอมโลหะบางชนิด จนทำให้เหล็กกลายเป็นวัสดุที่สำคัญที่ใช้ในการผลิตวัสดุ อุปกรณ์  เครื่องใช้ต่าง  ๆ ของมนุษย์ในยุคเหล็ก โลหะเหล็กใช้กันแพร่หลายมากในช่วง 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในประเทศไทยมีการขุดพบเครื่องมือที่ทำจากเหล็กที่ บ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี และที่ตำบลโนนชัย อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น

              การผลิตเหล็กกล้าในยุคแรก ๆ ทำได้ด้วยวิธีการนำธาตุคาร์บอนไปผสมกับธาตุเหล็กจากนั้นจะใช้ค้อนทุบในเตาถ่านหินที่มีอุณหภูมิสูงเพื่อทำเป็นอุปกรณ์ใช้สอยชนิดต่าง ๆ เช่นภาชนะเครื่องใช้สอยต่าง ๆ ในครัวเรือน นอกจากนี้ได้มีการนำซีเมนต์และคอนกรีตโดยมีเหล็กเป็นโครงสร้างมาก่อนสร้างตึกอาคารต่าง  ๆในยุคนี้อุตสาหกรรมการทำเหมืองแร่ได้มีการพัฒนามากขึ้นด้วย

 

 

 

ยุคที่ 4. ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม(Industrial Revolution)

 


 ลักษณะของยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม

              เทคโนโลยีได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากยุคต้น ๆ จนกลายเป็นยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษ (Great Britain) ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1790-1830 โดยการสนับสนุนของรัฐบาลอังกฤษ โดยในช่วง แรก ๆ ได้พัฒนาจากการเกษตรแบบขนบท  จากนั้นกลายเป็นการเกษตรแบบเมือง และกลายเป็นอุตสาหกรรมการผลิตในที่สุด อุตสาหกรรมการผลิตแห่งแรกในประเทศอังกฤษได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1740 ได้แก่อุตสาหกรรมสิ่งทอ  ต่อมา James Watt และ Thomas Newcomen  ได้ผลิตเครื่องจักรไอน้ำขึ้น ยุคอุตสาหกรรมได้แพร่หลายไปยังหลายประเทศในทวีปยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 19 และขยายไปยังอเมริกา รัสเซีย และญี่ปุ่นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 
                ในยุคนี้เทคโนโลยีเจริญรุดหน้ามาก คือ เทคโนโลยีด้านพลังงาน (Energy Technology) มีการสร้างกังหันลมและใช้พลังงานไอน้ำสำหรับการทำงานของเตรื่องจักรกล และการค้นพบความรู้เรื่องไฟฟ้าเป็นผลให้คิดค้นสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ความรู้การถลุงแร่ทำให้เกิดโลหะวิทยาและเกิดเทคโนโลยีต่าง ๆ มากขึ้น นอกจากนี้ มีการสร้างโรงงานทอผ้าที่ใช้ความรู้ทางเคมีกับเรื่องสิ่งทอ ในตอนปลายของยุค วิศวกรโรงงานต่าง ๆ พัฒนาสิ่งแก่อสร้างต่าง ๆ เช่น สะพาน เขื่อน ท่อ การสื่อสารและคมนาคม เช่น ก่อสร้างถนน ขุดคลอง กิจการรถไฟ การสื่อสาร ระบบการพิมพ์ การถ่ายภาพ โทรเลข โทรศัพท์ เทคโนโลยีในยุคนี้ก้าวหน้ารวดเร็วมาก ส่วนใหญ่เป็นเทคโนโลยีตามความต้องการของสังคมอุตสาหกรรมขณะนั้น

 

 

 

 

 

ยุคที่ 5. ยุคศตวรรษที่ 20 (The 20th Century)

 


 ลักษณะของยุคศตวรรษที่ 20

              ยุคนี้ถือเป็นการเจริญเติบโตอย่างมากหรือยุคทองทางด้านเทคโนโลยีอย่างมากกระบวนการผลิตทางเทคโนโลยีได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 กระบวนการต่าง ๆ ที่นำไปสู่การเจริญเติบโตแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน

       ยุคนี้เริ่มจากการบิน การส่งจรวด ความรู้ทางอิเล้กทรอนิกส์และระเบิดปรมาณู การประดิษฐ์คิดค้นวัสดุใหม่ ๆ ซึงมีทั้งสร้างสรรค์และทำลายสังคม การพัฒนาวิทยาการการบินและเทคโนโลยีทางอวกาศก้าวหน้ามาก เกิดความรู้ทางวิทยาศาสตร์หลายแขนง ทำให้มีการคิดค้นสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างไม่มีขีดจำกัด

    1. ความเข้าใจพื้นฐาน (Basic information)
    2. การให้ความรู้ด้านเทคนิค (Technical education)
    3. การประเมินผลด้านเทคโนโลยี (Assessment of technology )
    4. อนาคตของเทคโนโลยี (Outlook)